วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Semantic Web คืออะไร

Semantic Web คืออะไร
ลักษณะ ที่เรียกว่า Semantic Web คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการ จัดเก็บ และ นำเสนอเนื้อหาแบบมีโครงสร้าง รวมถึง สามารถที่จะ วิเคราะห์ จำแนก หรือจัดแบ่งได้ว่า ข้อมูลที่ปรากฏนั้น มีความสัมพันธ์ กับข้อมูลอื่นๆในแต่ละระดับ อย่างไร กล่าวคือ เป็นการจัดเก็บและนำเสนอ แบบมี Hierarchy นั่นเอง
ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดการพัฒนา Semantic Web ก็คือ สาเหตุ จากการที่ Web ในปัจจุบันที่บางคนเรียกว่า เป็น Syntactic หรือ Hypermedia Web มีปัญหาในเรื่องของ Information overload เพราะว่าข้อมูลที่เราสืบค้นมาได้นั้น ผลลัพธ์ที่ได้ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ และ ไม่สะดวกในการที่จะนำไปใช้ต่อ เพราะการค้นหา ด้วย Keyword ทั่วๆไป Machines ไม่สามารถทำความเข้าใจ และ ประมวลความหมาย หรือความสัมพันธ์ของคำนั้นๆได้อย่างตรงประเด็น ผลของการสืบค้นที่ได้กลับมา จึงเป็นการ Return ทุกๆเรื่องที่มีคำๆนั้น และสร้าง Hyperlink เพื่อให้เราเชื่อมโยงไปยังข้อมูล โดย เราไม่รู้ว่า นั่นคือคำที่อยู่ในเรื่องซึ่งเราต้องการหรือไม่
แนวทางของ Semantic Web ที่ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว ก็คือ Semantic Web มีการ Provide Common framework ซึ่งทำให้ข้อมูล สามารถ share และ reused ข้าม Application หรือ Community ที่มีการระบุขอบเขต ได้ โดยที่ Machines สามารถเข้าใจองค์ประกอบของข้อมูลซึ่งมีการแนบ Domain theory (เช่น รูปแบบของการอ้างอิง Class แม่ ของข้อมูล) รูปแบบนี้ เราอาจเรียกว่าเป็น Ontology ซึ่งสามารถบอกระดับความสัมพันธ์ของข้อมูลได้
Semantic ในระดับของผู้ใช้ มีดังนี้
  1. Interest networking
  2. Semantic social networking
  3. Semantic bookmarks
  4. Semantic search & QA
  5. Semantic desktop / webtop
  6. Semantic blogs, wikis
  7. Semantic identity management
  8. Semantic mobility
  9. Semantic email & IM
  10. Reality browsing, avatars, & context-aware games

Semantic ในระดับขององค์กร มีดังนี้

  1. Information sharing
  2. Semantic search, discovery, & navigation
  3. Semantic mashups and composite applications
  4. Semantic infrastructure / middleware SSOA, SBPM, SWS, virtualization, policy-based computing
  5. Semantic business intelligence
  6. Semantic ERP applications CRM, PLM, SCM, HRM
  7. Semantic governance, compliance, & risk
  8. Semantic web sites, wikis, collaboration, interest networking, & collective knowledge systems
  9. Semantic advertising, marketing, personalization, & customization
  10. Intelligent systems knowledge-based research, design, engineering, simulation, planning, scheduling, optimization, & decision support

Semantic Web นี้จะประกอบด้วยข้อมูลที่สามารถอ่านได้โดยคนและยังสามารถประมวลผลอัตโนมัติได้โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้ข้อมูลต่างๆ ในเว็บมีความหมายที่ชัดเจนและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้เว็บ

เว็บแห่งอนาคต จะประกอบด้วย

· XML สำหรับ Define โครงสร้างของ Application ตอนนี้มี XUL, XAML เป็นตัวเก็ง
· XHTML ที่ใช้ในเว็บเพจ (แยกกันดีๆ ระหว่าง เว็บเพจ กับเว็บแอพพลิเคชั่น)
· JavaScript (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ ECMAScript) สำหรับเขียนส่วนที่เป็นโปรแกรมมิ่ง
· XML สำหรับตัว Data จริงๆ ที่วิ่งกันไปมา
· XSLT สำหรับการ Transform เอกสาร XML ข้อตะกี้ให้เหมาะสมกับ Device และ CSS สำหรับการตกแต่งหน้าตา
· SVG รูปภาพแบบเวคเตอร์ที่จะเข้ามาแทน GIF/JPEG/PNG อันนี้ Adobe กำลังผลักดันอยู่เต็มตัว
· XForms ฟอร์มในเพจชนิดใหม่ ที่ไม่ต้องใช้ Javascript ในการ validate อีกต่อไป และเป็นการแบ่งแยก Data layer ออกจาก Presentation (HTML) เหมือนที่เราเคยแบ่ง CSS (Presentation) ออกมาจาก HTML มารอบนึงแล้ว XForms ยังไม่ค่อยได้รับการอิมพลีเมนต์มากนัก แต่ Mozilla และ OO.o[pdf] กำลังพัฒนากันอยู่
· SMIL (อ่านว่า สไมล์) เป็นเฟรมเวิร์คสำหรับมัลติมีเดียในเว็บในอนาคต ทุกอย่างจะมารวมกันใต้ Compound Document Formats (CDF) ซึ่งเป็นฟอร์แมตเอกสารในอนาคต มันจะไม่โผล่ออกมาจริงๆ แต่จะแผงตัวไปกับเอกสารทุกชนิดในโลก เช่น Latex, PDF

อ้างอิง น้องปู(e-com07)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น